หนุ่มนักประดิษฐ์มอเตอร์ไซค์สุดแหวกแนว Make It Extreme เอาอะไหล่เก่าๆมารวมกันใหม่ เป็นมอเตอร์ไซค์ล้อเดียว แรงๆแบบไม่น่าเชื่อ..
ผู้เขียน: thaim
มาดูว่า ในใบจดทะเบียนรถมอไซค์ไฟฟ้า มีเลขเครื่องยนต์ไหม?
△ลักษณะตรงรุ่นของรถที่จดทะเบียน
△หลังจากจดทะเบียนเสร็จ จะได้รับ ใบคู่มือจดทะเบียน และแผ่นป้าย+ใบทะเบียน ..ส่วนกรอบใส่ เราต้องไปจัดหาเองนะครับ
ปรับนิ่ม-แข็ง ของสปริงโช๊คหลังมอเตอร์ไซค์ หรือค่า K ง่ายๆ ภายใน1นาที!!
Adjust soft-hard of motorcycle rear shock springs
วิธีเช็คหน้ายางรถยนต์บวม เช็คยังไง?
How to check the front of a swollen tire
อย่าขับเหยียบตาแมวบ่อยๆ อีกหนึ่งสาเหตุทำให้ยางบวม
ท่อแคท คืออะไร? ทำงานอย่างไร ?
ท่อแคท หรือ แคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ (Catalytic converter) คือ ตัวกรองที่ทำหน้าที่เปลี่ยนไอเสียให้สะอาดขึ้น เพื่อไม่ให้เกินมาตรฐานไอเสียยูโร European Emission Standards โดยจะอยู่ติดกับท่อไอเสีย ภายในมีไส้กรองรังผึ้งทำจากเซรามิกเคลือบด้วยไทเทเนียม อะลูมิเนียม และซิลิคอน ทำให้มีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดี
ภายในแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ ยังประกอบไปด้วยโลหะต่าง ๆ ได้แก่ แพลตตินัม, แพเลเดียม และโรเดียม ที่ใช้สำหรับการรีดักชั่น (Reduction) และออกซิเดชั่น( Oxidation) ช่วยลดมลพิษในห้องเผาไหม้ ..
โลหะแพลตตินัมกับแพลเลเดียมจะใช้เพื่อการ Oxidation ก๊าซคาร์บอนมอนอ๊อกไซด์และไฮโดรคาร์บอน ส่วนโรเดียมจะใช้สำหรับการ Reduction ก๊าซไนโตรเจนออกไซด์
ปกติแล้ว ท่อแคทตาไลติกจะมีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 100,000 กิโลเมตร โดยอายุการใช้งานจะขึ้นอยู่กับสภาพการทำงานของเครื่องยนต์ หากเครื่องยนต์เผาไหม้ได้ดี ไม่ทิ้งคราบเขม่าไว้เยอะ ก็จะสามารถใช้งานได้นาน แทบไม่มีโอกาสอุดตันเลย
ท่อแคตอุดตัน เกิดจากการที่เครื่องยนต์เผาไหม้ได้ไม่มีประสิทธิภาพ จนสะสมสิ่งตกค้างที่มากับคราบเขม่าไว้ และเมื่อแคทตาไลติกอุดตัน เครื่องยนต์จะระบายไอเสียได้น้อยลงกว่าเดิม จนส่งผลให้พละกำลังลดลง และเพิ่มอัตราสิ้นเปลืองพลังงานมากยิ่งขึ้น วิธีการแก้ไข คือ นำรถเข้าอู่เพื่อให้ช่างตรวจสอบความผิดปกติของระบบที่ทำหน้าที่ล้างการเผาไหม้
อย่างไรก็ตาม แม้ท่อแคทจะหมดสภาพไปแล้ว แต่ก็ยังสามารถนำมาขายต่อได้ เนื่องจากภายในถูกบรรจุด้วยโลหะแพลตตินัม, แพเลเดียม และโรเดียม ที่มีมูลค่าและสามารถรีไซเคิลได้ โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว แต่จะส่งต่อได้ในราคาเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณโลหะที่เหลืออยู่ภายในด้วยเช่นกัน .
cr: https://khaorot.com/car-care-and-maintenance/%E0%B8%97%E0%B..
https://www.google.com/..&bih=635&biw=1366&client=firefox-b-d&h..
Yamaha XT225 SEROW
cr: https://en.wikipedia.org/wiki/Yamaha_XT225
https://thai.webike.net/mt/yamaha-serow225-xt225-818/tab/service
Manufacturer | Yamaha Motor Company |
---|---|
Also called | Yamaha Serow |
Production | 1986–2007 |
Successor | XT250 |
Class | Dual-sport |
Engine | 223 cc, Single-cylinder, air-cooled, four-stroke, SOHC, 2-valves[1] |
Compression ratio | 9.5:1 |
Power | 20 hp (15 kW)[2] |
Torque | 19 N⋅m (14 lb⋅ft) |
Transmission | 6-speed |
Suspension | Front: telescopic Rear: swingarm with rebound adjust |
Brakes | Front: 220mm disc Rear: 110mm drum |
Tires | Front: 21 inch Rear: 18 inch |
Wheelbase | 53.1 in (1,349 mm) |
Dimensions | L: 81.5 in (2,070 mm) W: 31.7 in (805 mm) H: 45.7 in (1,161 mm) |
Seat height | 31.9 in (810 mm) |
Weight | 238 lb (108 kg) (dry) |
Fuel capacity | 2.3 US gal (8.7 L) |
Related | TT-R225 |
“เบอร์โซ่สเตอร์คืออะไร?” ตัวเลขนั้นหมายถึง?
“เบอร์โซ่สเตอร์คืออะไร?” ตัวเลขนั้นหมายถึง?
คุณอาจจะเคยได้ยินตัวเลข 428 520 525 530 ที่เป็นตัวเลขที่เกี่ยวกับโซ่รถมอเตอร์ไซค์กันบ้างแล้ว.. แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเลขพวกนี้คืออะไรกันแน่
เช่น เบอร์ 520 ที่นิยมใส่กันในรถบิ๊กไบค์ สำหรับเลข 5 ที่ขึ้นต้นก็คือ ระยะ Pitch หรือระยะความห่างของสลัก ในที่นี้จะห่างกันอยู่ที่ ⅝ นิ้ว หรือราว 5 หุน นั่นเอง..
ส่วนตัวเลขที่ตามมาคือ 20 นั่นก็คือ ระยะ Width หรือระยะห่างระหว่างแผ่นประกบ ซึ่งในตัวอย่าง 520 ก็แสดงว่าห่างกัน 2.0/8 นิ้ว หรือราวๆ 2 หุน
เมื่อนำโซ่แต่ละขนาด แต่ละเบอร์มาเทียบกัน จะพบว่า โซ่เบอร์ 428 จะมีระยะห่างสลักน้อยกว่าและขนาดความหนาของข้อประกบโซ่น้อยกว่าโซ่เบอร์อื่น โดยที่ 520, 525 และ 530 จะมีระยะห่างสลักเท่ากันแต่ระยะะห่างระหว่างแผ่นประกบด้านในจะมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งการใช้งานจะแตกต่างกันออกไป ตามลักษณะประเภท และกำลังเครื่องยนต์ของรถ โดยค่าประมาณเบอร์โซ่คร่าวๆ จะเป็นลักษณะดังนี้..
– โซ่เบอร์ 428 ใช้สำหรับ “รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป/รถสปอร์ต 125-150cc”
– โซ่เบอร์ 520 ใช้สำหรับ “รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต 250-500cc”
– โซ่เบอร์ 525 ใช้สำหรับ “รถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต/บิ๊กไบค์ 650-1000cc”
– โซ่เบอร์ 530 ใช้สำหรับ “รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคขนาดใหญ่/บิ๊กไบค์/ครุยเซอร์ไบค์ 900-1300cc”
(*แต่ละแบรนด์โซ่และแบรนด์รถจะมี spec กำหนดแตกต่างกัน)
นอกจากนี้โซ่บางยี่ห้ออาจยังมีตัว H ที่ตามมาด้านหลัง ซึ่งมันก็หมายถึง High Strength สามารถทนทานต่อแรงฉุดที่สูงขึ้น เจ้าแผ่น Inner และ Outer Plate มีความหนามากกว่าเดิมนั่นเอง
หลังจากรหัสดังกล่าวแล้ว ก็จะมาตัวเลขตามอีก 3 ตัว เช่น 520H – 120 เห๊นแล้วก็ไม่ต้องงงครับ มันเป็นแค่ตัวเลขบอกจำนวนของข้อต่อโซ่นั่นเอง ในที่นี้ก็หมายความว่าโซ่ขนาด 520 เส้นนี้ มีข้อต่อทั้งหมด 120 ข้อ
นอกจากนี้ในบางกล่องยังระบุถึงการล๊อคของโซ่ไว้ให้ด้วย เช่น SL = กิ๊บล๊อค, RL = หมุดล๊อค เป็นต้น และยังมีการระบุความพิเศษอื่นๆ เช่น RX, O, X พวกนี้คือ โซ่ที่มีการเสริมโอริงในรูปแบบต่างๆ ที่ทางค่ายผู้ผลิตนิยมเรียกกันว่า O-ring, X-ring, RX-Ring ตามลักษณะโอริงแต่ละแบบนั่นเอง
ยกตัวอย่างการอ่านค่ารหัสเต็มๆ เช่น 520H – 120SL RX ก็สามารถตีความได้ว่า โซ่นี้ มีขนาด 520 ที่มีความหนามากกว่าทั่วไป และมีความยาว 120 ข้อ โดยเชื่อมกันแบบกิ๊บล๊อค และเป็นแหวนแบบ RX-Ring
ขอขอบคุณhttps://www.furiishopbigbike.com/article/4/quot%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E..
https://bigbike.boxzaracing.com/knowledge/18543
เรือกลเดินทะเลต่างประเทศ บทที่2 (อ.Suksawan Thawat)
@useres8ukuttwq เรือกลเดินทะเลต่างประเทศ บทที่2 #ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี #ลูกศิษย์อาจารย์เฉลิมชัย #อาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์ ♬ เสียงต้นฉบับ – EBC
ยกสูงหรือโหลดเตี้ย YAMAHA DT125 โมโนโช๊ค ง่ายๆด้วยตนเอง
จีนทุ่มลงทุนนับหมื่นล้าน ตั้งฐานในไทยผลิตรถ EV หลายแสนคัน ป้อนตลาดโลกรถไฟฟ้า
ฉางอัน ออโตโมบิล ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ประกาศลงทุนในไทย 9,800 ล้านบาท เตรียมยื่นขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอ เพื่อสร้างฐานการผลิตรถยนต์ EV พวงมาลัยขวาแห่งแรกนอกประเทศจีน 1 แสนคันส่งออกทั่วโลก
บีโอไอย้ำเดินหน้าดึงบริษัทชั้นนำลงทุน EV ดันไทยเป็นฐานการผลิตหลักของโลก
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากการทำงานร่วมกับบริษัท ฉางอัน ออโตโมบิลอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งบีโอไอได้เดินทางไปพบผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ประเทศจีน เมื่อต้นเดือน เม.ย.66 เพื่อชี้แจงข้อมูลสำคัญประกอบการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย รวมทั้งได้ตอกย้ำมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิต EV ระดับโลก ส่งผลให้บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย และได้แถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า บริษัทตัดสินใจลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่เป็นแห่งแรกนอกประเทศจีน ด้วยเงินลงทุน 9,800 ล้านบาท..
ในการจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) และแบตเตอรี่ กำลังการผลิตในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งจำหน่ายตลาดในประเทศและส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และแอฟริกาใต้ บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล เป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ และเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของจีน ด้วยยอดขายกว่า 2 ล้านคันในปีที่แล้ว มีสำนักงานใหญ่และฐานการผลิตหลักอยู่ที่มหานครฉงชิ่ง
อีกทั้งได้ร่วมลงทุนกับบริษัทฟอร์ดและมาสด้า ผลิตรถยนต์ในจีนด้วย สำหรับแผนการลงทุนในไทยนั้น บริษัทเริ่มศึกษาข้อมูลการลงทุนในไทยตั้งแต่ปี 63 และหารือร่วมกับสำนักงานบีโอไอ ณ นครเซี่ยงไฮ้ อย่างใกล้ชิด ในการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลการลงทุนเชิงลึก รวมถึงได้ส่งทีมงานเดินทางมาพบผู้บริหารบีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง เพื่อหารือมาตรการสนับสนุนและรวบรวมข้อมูลประกอบการวางแผนการลงทุน
“การตัดสินใจลงทุนในไทยของฉางอัน เป็นก้าวสำคัญของการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก อีกทั้งแสดงถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีต่อประเทศไทย ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพของตลาด นโยบายเชิงรุกในการส่งเสริม EV แบบครบวงจร รวมทั้งซัพพลายเชนที่พร้อมรองรับการผลิต EV
โดยบริษัทได้เริ่มหารือกับซัพพลายเออร์ในไทย เพื่อให้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆส่งให้กับบริษัท ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ด้วย นอกจากนี้ บีโอไอจะเดินหน้าทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดึงผู้ผลิต EV รายอื่นๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มเติม ควบคู่กับการส่งเสริมระบบชาร์จไฟฟ้าและ eco system ที่จำเป็น เพื่อให้ฐานอุตสาหกรรม EV ในประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
ที่ผ่านมาบีโอไอได้อนุมัติให้การส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) รวมทั้งหมด 26 โครงการ จาก 17 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุน 86,800 ล้านบาท โดยครึ่งแรกของปี 66 คาดว่าจะมีการขอรับการส่งเสริมเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 โครงการ จากบริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล ซึ่งวางแผนจะยื่นขอรับการส่งเสริมภายในเดือน พ.ค.นี้ และบริษัท GAC Aion ที่ได้มาหารือร่วมกับบีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรม โดยประกาศแผนการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทยกว่า 6,400 ล้านบาท เมื่อปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา.
cr:https://www.thairath.co.th/money/economics/analysis/2684913
https://www.google.com/..0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%87%..